
ภาพรวมตลาดล่าสุด
ดัชนี S&P 500 ปิดลดลงเล็กน้อยที่ 6,644.31 จุด ขณะที่ดาวโจนส์บวกเล็กน้อย และแนสแดกลบมากกว่าเมื่อวาน บรรยากาศถูกกดดันจากข่าวด้านการค้า สหรัฐกับจีน ส่งผลให้แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยีอ่อนลงในชั่วโมงท้าย ๆ ของการซื้อขายเมื่อคืนนี้
ความผันผวนและจิตวิทยาตลาด
ดัชนีความผันผวน VIX กระโดดขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบห้าเดือนระหว่างวัน สะท้อนดีมานด์ป้องกันความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นการค้าและทิศทางนโยบายการเงิน ก่อนจะคลายลงเล็กน้อยในช่วงปิดตลาด
นโยบายการเงินสหรัฐและผลตอบแทนพันธบัตร
ถ้อยแถลงของผู้ว่าการเฟด Michelle Bowman ระบุว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้อีกภายในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสอดคล้องกับภาพชะลอของตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ แนวโน้มดังกล่าวช่วยจำกัดแรงกดดันต่อ Valuation แม้ความไม่แน่นอนยังสูงก่อนการประชุม FOMC วันที่ 28–29 ตุลาคม นี้
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุสิบปี ล่าสุดข้อมูลรายวันของ FRED ชี้ว่าระดับล่าสุดที่บันทึกไว้เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนอยู่แถว 4.05% ซึ่งต่ำกว่าช่วงต้นเดือนเล็กน้อย ภาพรวมสะท้อนภาวะการเงินที่ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
เงินเฟ้อและปฏิทินเศรษฐกิจ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเลื่อนการประกาศ CPI เดือนกันยายน ไปเป็นวันที่ 24 ตุลาคม 2025 ตามตารางเผยแพร่ล่าสุด นักลงทุนจึงจับตาสัญญาณเงินเฟ้อจากตัวชี้วัดอื่นและคำแถลงของเฟดในระหว่างนี้เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยช่วงปลายปี
ปัจจัยภายนอกและความเสี่ยง
ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนกลับมาสร้างแรงกดดันต่อ Sentiment ของสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนสลับกลุ่ม และนักลงทุนเพิ่มการป้องกันความเสี่ยงในระยะสั้น ซึ่งเห็นได้จากการขยับขึ้นของ VIX และแรงขายหุ้นเติบโตขนาดใหญ่เมื่อคืนนี้
ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ
ไตรมาสสามเริ่มทยอยประกาศ โดยแบงก์ขนาดใหญ่ของสหรัฐเป็นกลุ่มแรก ความเห็นนำของนักวิเคราะห์ชี้ว่า Banking และ Capital Markets จะเป็นตัวกำหนดโทนในสัปดาห์นี้ ก่อนที่กลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะตามมาในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีน้ำหนักต่อ S&P 500 สูงและอาจทำให้ความผันผวนระยะสั้นเพิ่มขึ้น
มุมมอง 1–3 สัปดาห์
ภาพรวมพื้นฐานยัง “ทรงตัวแต่เปราะบาง” ปัจจัยบวกคือแนวโน้มเฟดผ่อนคลายมากขึ้นและผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงเล็กน้อย ปัจจัยลบคือความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนของเงินเฟ้อก่อนตัวเลข CPI ชุดใหม่ กลยุทธ์เชิงปฏิบัติคือเลือกหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานที่มีกระแสเงินสดมั่นคง งบดุลแข็งแรง และอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยลดลง ขณะที่เพิ่มน้ำหนักกลุ่มการเงินแบบคัดเลือกในช่วงประกาศงบและเฝ้าระวังแรงขายสลับตัวในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่