
ในช่วงนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องในตลาดฟอเร็กซ์ทั่วโลก ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในเดือนกันยายนที่ 103.20 ไปถึงบริเวณ 106.4 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบสามเดือน เทรดเดอร์ทั่วโลกกำลังจับตาแนวโน้มการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอน
บทความนี้จะวิเคราะห์แนวโน้มของดอลลาร์จากหลายมุมมอง ได้แก่ นโยบายเฟด ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค ความเสี่ยงทางการเมือง สภาวะตลาด และมุมมองส่วนตัวของผู้เขียน
1. แนวโน้มเฟด: ดอกเบี้ยอาจคงระดับสูงนานกว่าที่คาด
จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool ณ กลางเดือนตุลาคม ความน่าจะเป็นที่เฟดจะ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25%–5.50% ในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 78% ขณะที่โอกาสที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยใน ไตรมาสแรกปี 2026 มีเพียง 30% เท่านั้น
เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย เช่น วิลเลียมส์ (Williams) และ เมสเตอร์ (Mester) ยืนยันว่า “แม้อัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินได้”
ผลลัพธ์คือ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 4.65% ซึ่งกลายเป็นแรงหนุนสำคัญต่อค่าเงินดอลลาร์
2. ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ: ยังแข็งแกร่ง แม้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัว
CPI เดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ Core CPI อยู่ที่ 3.8% — ลดลงจากปีก่อน แต่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด
อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.8% สะท้อนถึงตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง
GDP ไตรมาสสองขยายตัว 2.9% (QoQ) แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความยืดหยุ่นแม้อยู่ในภาวะดอกเบี้ยสูง
ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจยุโรปเติบโตเพียง 0.4% และการส่งออกของจีนลดลงถึง 6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ความแตกต่างด้านการเติบโตนี้ทำให้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าสู่สินทรัพย์สหรัฐ ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง
3. ปัจจัยการเมือง: การเลือกตั้งและงบประมาณอาจสร้างความผันผวน
เมื่อ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2026 ใกล้เข้ามา ความไม่แน่นอนทางการเมืองเริ่มส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาด
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ณ เดือนกันยายน 2025 หนี้สาธารณะของสหรัฐทะลุ 34.8 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 6% ของ GDP
หากสภาคองเกรสยังคงขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้และงบประมาณ ความผันผวนของตลาดอาจทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลต่อดอลลาร์ในระยะกลาง
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ความไม่แน่นอนเหล่านี้กลับกระตุ้นความต้องการถือครองดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
4. มุมมองทางเทคนิคและจิตวิทยาตลาด
ทางเทคนิค ดัชนีดอลลาร์ดีดตัวจากระดับ 103 และทะลุแนวต้านที่ 105.80 หากยังคงยืนเหนือระดับนี้ มีโอกาสขึ้นต่อไปยังโซน 107.00–107.50
แต่หากปรับฐานลงต่ำกว่า 104.50 อาจเกิดการพักตัวทางเทคนิค
ข้อมูลจากรายงาน CFTC (Commitment of Traders) ระบุว่า ณ สัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม สถานะซื้อสุทธิของนักลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 15% สะท้อนความเชื่อมั่นในแนวโน้มแข็งค่าของดอลลาร์
5. ดอลลาร์ระยะสั้นยังแข็งแกร่ง แต่ระยะกลางอาจเผชิญแรงกดดัน
จากภาพรวมทั้งหมด ผู้เขียนมองว่า:
ระยะสั้น (1–3 เดือนข้างหน้า): ดอลลาร์ยังคงแข็งแรงจากการชะลอการลดดอกเบี้ยของเฟด เศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ระยะกลาง (ต้นปี 2026): หากอัตราเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องและเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ดอลลาร์อาจเผชิญแรงขายทำกำไร โดยมีโอกาสปรับฐานลงสู่ช่วง 102–103
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดอลลาร์ยังอยู่ในวัฏจักรแข็งค่า แต่แรงขับเคลื่อนเริ่มชะลอตัว
สรุป
ดัชนีดอลลาร์ที่ปรับขึ้นสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจสหรัฐและแนวนโยบายของเฟด
อย่างไรก็ตาม เมื่อวัฏจักรดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายและความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มขึ้น ความผันผวนของดอลลาร์อาจสูงขึ้นในระยะต่อไป
สำหรับเทรดเดอร์ ควรเน้นการเทรดตามแนวโน้มในระยะสั้น พร้อมบริหารความเสี่ยงและติดตามปัจจัยพื้นฐานอย่างใกล้ชิด