ในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดา (USD/CAD) เข้าใกล้จุดสูงสุดที่บันทึกไว้ในปลายปีที่แล้ว ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดาได้ทะลุผ่านระดับสำคัญที่ 1.3600 และเข้าใกล้บริเวณจุดสูงสุดที่ 1.3700 นักลงทุนกำลังจับตาดูว่าอัตราแลกเปลี่ยนนี้จะสามารถทะลุจุดสูงสุดได้หรือไม่ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวในทิศทางใด
1. ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน
ดัชนีดอลลาร์ได้แสดงถึงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่กลางเดือนกันยายน โดยจากประมาณ 103.00 ขยับขึ้นมาที่ระดับ 104.50 ในปัจจุบัน การแข็งค่าของดอลลาร์ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
นโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed): ถึงแม้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะมีการชะลอตัวในระยะหลัง แต่ Fed ยังคงท่าทีที่เป็น “hawkish” ซึ่งช่วยสนับสนุนดอลลาร์ได้ ตลาดคาดว่า Fed อาจจะยังคงรักษานโยบายดอกเบี้ยสูงในปี 2024 ซึ่งจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับดอลลาร์
ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก: การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในประเทศจีนและยุโรป ส่งผลให้มีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ดอลลาร์สหรัฐฯ จึงกลายเป็นทางเลือกหลักสำหรับนักลงทุน
ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ดีขึ้น: ข้อมูลด้านการจ้างงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ซึ่งยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อดอลลาร์
2. การวิเคราะห์แนวโน้มของดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดา
การเพิ่มขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดาสามารถอธิบายได้จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันและการแข็งค่าของดอลลาร์
แรงกดดันจากราคาน้ำมัน: แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันส่งผลโดยตรงต่อแนวโน้มของดอลลาร์แคนาดา ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปแตะระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในต้นเดือนกันยายน แต่เมื่อคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ราคาน้ำมันจึงลดลง ส่งผลกระทบในทางลบต่อดอลลาร์แคนาดา และทำให้ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
การสนับสนุนจากแง่เทคนิค: ดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดาปัจจุบันมีราคาใกล้เคียงกับระดับ 1.3700 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในช่วงปลายปี 2022 การวิเคราะห์ทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่า หากดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดาสามารถทะลุจุดนี้ได้ มันอาจจะเพิ่มขึ้นไปต่อถึง 1.3800 หรือระดับที่สูงกว่านี้ แต่หากราคาไม่สามารถทะลุจุดนี้ได้ ก็อาจมีการปรับตัวลงในระยะสั้น
3. การวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจ
ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ: จากรายงานเศรษฐกิจล่าสุด การจ้างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ซึ่งมากกว่าคาดการณ์ที่ 185,000 ตำแหน่ง แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ยังคงที่ 3.5% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.7% บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งยังสูงกว่าระดับเป้าหมายของ Fed ซึ่งเสริมสร้างความคาดหวังในตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงรักษานโยบายดอกเบี้ยสูงต่อไป
เศรษฐกิจแคนาดาที่ชะลอตัว: เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เติบโตแข็งแกร่ง เศรษฐกิจแคนาดากลับแสดงการชะลอตัว ข้อมูลจากสำนักงานสถิติของแคนาดาแสดงว่าอัตราการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่สองอยู่ที่เพียง 0.2% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.4% นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของแคนาดาในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ลดลงจาก 4.5% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทาย และธนาคารกลางแคนาดาอาจจะใช้นโยบายการเงินที่ระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อค่าเงินแคนาดา
ผลกระทบจากราคาน้ำมันต่อดอลลาร์แคนาดา: แคนาดามีเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับการส่งออกน้ำมัน ราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลให้ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง ขณะเดียวกัน ความคาดหวังในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวก็ทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง ส่งผลให้คาดการณ์ว่าดอลลาร์แคนาดาจะยังคงอ่อนค่าต่อไป
ข้อมูลเศรษฐกิจเหล่านี้สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดาและแสดงให้เห็นว่า ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะแข็งค่าต่อไปในระยะเวลาอันใกล้
4. แนวโน้มตลาด
มองไปข้างหน้า การเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดาจะยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน หากดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และราคาน้ำมันไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้ ดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดาอาจจะทะลุจุดสูงสุดในปัจจุบันและขยับไปที่ระดับสูงกว่า
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของนโยบายการเงินของ Fed ในอนาคต รวมถึงการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน หากราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น ดอลลาร์แคนาดาอาจได้รับการสนับสนุน และดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดาอาจปรับตัวลดลง
